หนุ่มสาวถามว่า
ฉันเป็นคนที่นิยมความสมบูรณ์แบบ (Perfectionist) ไหม?
ถ้าคุณ
ต้องได้เกรดไม่ต่ำกว่า A+ ทุกครั้งที่สอบ
ไม่ยอมลองอะไรใหม่ ๆ เพราะกลัวว่าจะทำไม่ได้
มองคำวิจารณ์ต่าง ๆ เป็นเหมือนการต่อว่าคุณให้เสียหาย
. . . ถ้าคำตอบของคำถามด้านบนคือใช่ แล้วมันจะเป็นยังไง?
จะผิดอะไรไหมถ้าเป็นคนที่นิยมความสมบูรณ์แบบ?
ก็ไม่ผิดอะไรถ้าคุณพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่หนังสือการนิยมความสมบูรณ์แบบ—การเป็นคนดีเลิศไม่มีที่ติ ไม่ดีตรงไหน? บอกว่า “มีความแตกต่างกันมากระหว่างการตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุด กับการพยายามดิ้นรนให้ถึงความสมบูรณ์แบบซึ่งไม่มีทางจะเป็นไปได้ การนิยมความสมบูรณ์แบบจะเป็นภาระที่หนักอึ้ง เพราะยอมรับเถอะว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก”
คัมภีร์ไบเบิลก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ว่า “ในโลกนี้ไม่มีคนดีสักคนที่ทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง” (ปัญญาจารย์ 7:20) คุณเป็นคนผิดบาป ไม่สมบูรณ์แบบ จึงมีบางครั้งที่ผลงานของคุณอาจจะไม่เลิศล้ำอลังการอย่างที่คิด
นี่ทำให้คุณรู้สึกว่ายากที่จะยอมรับไหม? ถ้าใช่ ลองสังเกต 4 วิธีที่การนิยมความสมบูรณ์แบบส่งผลในทางที่ไม่ดีต่อคุณ
วิธีที่คุณมองตัวเอง คนที่นิยมความสมบูรณ์แบบจะตั้งมาตรฐานที่สูงเกินไปให้ตัวเองอย่างไม่มีเหตุผล ซึ่งมีแต่จะทำให้ผิดหวัง เด็กสาวที่ชื่ออลิเซียบอกว่า “ในความเป็นจริงแล้วเราไม่สามารถเก่งไปหมดทุกอย่างได้ และถ้าเราทำให้ตัวเองเศร้าอยู่บ่อย ๆ เพราะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบไม่ได้ ในที่สุดเราจะไม่มีความมั่นใจในตัวเองและนั่นก็จะทำให้เราหมดกำลังใจ”
วิธีที่คุณมองคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ คนที่นิยมความสมบูรณ์แบบมีแนวโน้มที่จะมองการวิพากษ์วิจารณ์แบบเสริมสร้างว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เสียชื่อ เด็กหนุ่มชื่อเจเรมีบอกว่า “เวลาที่ถูกว่ากล่าวแก้ไข ผมรู้สึกแย่มาก ๆ การเป็นคนที่นิยมความสมบูรณ์แบบทำให้เราไม่ยอมรับข้อจำกัดของตัวเองและไม่ยอมรับความช่วยเหลือที่จำเป็นด้วย”
วิธีที่คุณมองคนอื่น คนที่นิยมความสมบูรณ์แบบมักจะชอบจับผิดคนอื่น ซึ่งก็เข้าใจได้ไม่ยากว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น แอนนาเด็กสาวอายุ 18 ปีบอกว่า “เมื่อคุณคาดหมายความสมบูรณ์แบบจากตัวเอง คุณก็จะใช้มาตรฐานเดียวกันนี้กับคนอื่นด้วย และเมื่อคนอื่นทำไม่ได้ตามมาตรฐานนั้น คุณก็จะรู้สึกผิดหวังกับพวกเขาอยู่ตลอด”
วิธีที่คนอื่นมองคุณ ถ้าคุณคาดหมายจากคนอื่นสูงเกินไปก็ไม่ต้องแปลกใจถ้าใคร ๆ จะไม่อยากยุ่งกับคุณ! เด็กสาวชื่อเบธบอกว่า “การที่ต้องทำตามมาตรฐานที่ไม่มีทางทำได้ของคนที่นิยมความสมบูรณ์แบบมันเหนื่อยมาก ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้กับคนแบบนั้นหรอก!”
มีวิธีที่ดีกว่านี้ไหม?
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ให้คนอื่นเห็นว่าพวกคุณเป็นคนมีเหตุผล” (ฟีลิปปี 4:5) คนที่มีเหตุผลจะคาดหมายจากตัวเองและจากคนอื่นในแบบที่มีความสมดุล
“มีความกดดันจากอิทธิพลภายนอกมากพออยู่แล้ว ทำไมถึงต้องเพิ่มความกดดันที่ไม่จำเป็นโดยการเป็นคนที่นิยมความสมบูรณ์แบบอีกล่ะ? นี่มันเกินจะรับไหว!”—ไนลา
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ใช้ชีวิตตามแนวทางของพระเจ้าด้วยความเจียมตัว” (มีคาห์ 6:8) คนเจียมตัวยอมรับข้อจำกัดของตัวเอง เขาไม่รับงานที่ตัวเองทำไม่ไหว และไม่ทำงานที่ใช้เวลาเกินกว่าที่ตัวเองสามารถทำได้
“ถ้าฉันอยากจะรับผิดชอบงานต่าง ๆ ของฉันได้ดี ฉันจะทำงานแค่เท่าที่ทำไหว ฉันรู้ว่าทำได้แค่เท่านี้”—เฮลีย์
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ทำให้สุดกำลัง” (ปัญญาจารย์ 9:10) ดังนั้น ทางแก้สำหรับการนิยมความสมบูรณ์แบบไม่ใช่ความขี้เกียจ แต่เป็นความขยันขันแข็งที่รวมกับคุณสมบัติที่พูดถึงก่อนหน้านี้ซึ่งก็คือความมีเหตุผลและความเจียมตัว
“ผมพยายามทำงานของผมให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้และผมก็ทุ่มเทให้กับงานนั้น ผมรู้ว่ายังไงมันก็ไม่มีทางที่จะสมบูรณ์แบบได้ แต่ผมก็มีความสุขที่รู้ว่าได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว”—โจชัว