คำแนะนำสำหรับครอบครัว | ชีวิตคู่

ทำอย่างไรไม่ให้ใช้เงินเกินตัว?

เล่น

ปัญหา

เมื่อดูสมุดบัญชีและบิลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ คุณเห็นว่าเงินกำลังร่อยหรอลงไปเรื่อย ๆ เหมือนกับทรายที่ไหลออกจากมือของคุณ คุณเพิ่งแต่งงานไม่นานแล้วคุณก็ใช้เงินจนแทบหมดกระเป๋า เป็นเพราะคู่ของคุณหรือเปล่า? อย่าเพิ่งโทษเขา! หันหน้ามาคุยกันแล้วช่วยกันคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณทั้งคู่ ตกเข้าสู่สภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ *

สาเหตุของปัญหา

การเปลี่ยนแปลง ถ้าก่อนแต่งงานคุณอยู่กับพ่อแม่ ตอนนี้เมื่อมีครอบครัวของตัวเอง คุณก็ต้องเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับคุณ หรือคุณกับคู่ของคุณอาจมีวิธีใช้เงินต่างกัน เช่น คนหนึ่งอาจชอบใช้ ส่วนอีกคนก็ชอบเก็บ คู่สมรสจึงต้องใช้เวลาปรับตัวและตกลงกันว่าจะใช้เงินอย่างไรไม่ให้ช็อต

หนี้ก็เหมือนวัชพืชในสวน เผลอแป๊บเดียวก็งอกจนถอนไม่ทัน

การผัดวันประกันพรุ่ง จิม นักธุรกิจที่ชีวิตกำลังรุ่งยอมรับว่าตอนที่เพิ่งแต่งงานใหม่ เขาใช้จ่ายเงินเกินตัวเพราะไม่รู้วิธีบริหารเงิน เขาบอกว่า “เพราะผมจ่ายบิลช้ากว่ากำหนด ผมกับภรรยาเลยต้องเสียค่าปรับหลายพันดอลลาร์ เล่นเอาเราถังแตก!”

กับดักของ “เงินที่มองไม่เห็น” คุณอาจจ่ายจนเพลินถ้าไม่เห็น ว่าเงินไหลออกจากกระเป๋าไปเท่าไร และยิ่งถ้าจ่ายผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ซื้อของผ่านอินเทอร์เน็ตหรือจ่ายเงินออนไลน์ คุณก็จะยิ่งไม่รู้ตัวเลย และถ้ายืมเงินคนอื่นมาใช้ได้ง่าย ๆ คู่สมรสใหม่ก็อาจตกหลุมพรางที่ทำให้ใช้เงินเกินตัวได้

ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากอะไร เงินอาจเป็นปัญหาที่ทำให้รักร้าวได้ หนังสือเล่มหนึ่ง (Fighting for Your Marriage) บอกว่า “คู่สมรสหลายคู่ยอมรับว่าเงินเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด ไม่ว่าจะมีมากน้อยเท่าไร ถ้าพูดเรื่องเงินทีไรก็ทะเลาะกันทุกที”

สิ่งที่คุณทำได้

ตั้งใจร่วมมือกัน แทนที่จะโทษกันไปโทษกันมา คุณทั้งคู่ต้องร่วมมือกันควบคุมค่าใช้จ่ายในบ้าน ตั้งใจไว้ก่อนว่าคุณทั้งสองจะไม่ทะเลาะกันเพราะเรื่องเงิน—คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล: เอเฟโซส์ 4:32

ตั้งงบประมาณ จดรายการค่าใช้จ่ายตลอดทั้งเดือนไม่ว่าจะมากน้อยเท่าไร นี่จะช่วยคุณให้รู้ว่าเงินหายไปไหน และอะไรคือค่าใช้จ่ายที่จำเป็นหรือไม่จำเป็น จิมที่อ้างถึงก่อนหน้านี้บอกว่า เหมือนกับหมอที่ “ต้องห้ามเลือดให้ได้” คุณก็ต้องควบคุมค่าใช้จ่ายให้เป็น

จดค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่น อาหาร เสื้อผ้า ค่าเช่าบ้านหรือค่าผ่อนบ้าน ค่ารถ และอื่น ๆ เขียน ‘ยอดเงินที่ต้องจ่าย’ ของแต่ละหมวดขึ้นมาแล้วคำนวณคร่าว ๆ ว่าในช่วงหนึ่งเดือนคุณมีค่าใช้จ่ายเท่าไร—คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล: ลูกา 14:28

“คนมักยืมก็เป็นบ่าวทาสแก่ผู้ให้ยืมนั้น”—สุภาษิต 22:7

กันเงินแต่ละส่วนไว้สำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทุกเดือน (ค่าอาหาร ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำมัน และอื่น ๆ) บางคนแยกเงินค่าใช้จ่ายแต่ละส่วนไว้เป็นซอง ๆ * ถ้าเงินในซองหนึ่งหมดก็ต้องหยุดใช้เงินสำหรับเรื่องนั้น หรืออาจแบ่งเงินจากซองอื่นมาไว้ในซองนี้

เปลี่ยนความคิดไม่ยึดติดวัตถุ ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีของรุ่นใหม่ล่าสุด พระเยซูเคยพูดไว้ว่า “แม้ว่าคนเรามีอย่างบริบูรณ์ แต่ชีวิตของเขาก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เขามี” (ลูกา 12:15) ที่จริง นิสัยการใช้เงินมักเป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณเชื่อฟังคำสอนของพระเยซูมากแค่ไหน—คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล: 1 ติโมเธียว 6:8

เปลี่ยนตัวเอง แอรอนที่เพิ่งแต่งงานสองปีบอกว่า “คุณอาจคิดว่าคงมีเงินพอซื้อทีวีเครื่องใหม่หรือออกไปกินข้าวนอกบ้านได้บ่อย ๆ ตอนแรกมันก็จ่ายได้อยู่หรอก แต่พอนาน ๆ เข้าเราก็เริ่มชักหน้าไม่ถึงหลัง เราต้องเรียนที่จะหักห้ามใจบ้างเพื่อจะไม่ใช้เงินเกินตัว”

^ วรรค 4 แม้ว่าบทความนี้จะพูดถึงคู่ที่เพิ่งแต่งงานใหม่ แต่คำแนะนำนี้ใช้ได้กับคู่สมรสทุกคู่

^ วรรค 14 ถ้าคุณจ่ายเงินออนไลน์หรือรูดบัตรเครดิต ให้จดรายละเอียดค่าใช้จ่ายแล้วใส่ไว้ในซองแทนที่จะใส่เงินสด

ข้อคัมภีร์ที่ควรจำ

“จงกรุณาต่อกัน แสดงความเห็นใจกัน ให้อภัยกันอย่างใจกว้าง”—เอเฟโซส์ 4:32
“มีใครในพวกเจ้าไหมที่ต้องการสร้างหอคอยแล้วจะไม่นั่งลงคำนวณค่าใช้จ่ายก่อน?”—ลูกา 14:28
“เมื่อเรามีเครื่องอุปโภคบริโภคและที่อยู่อาศัย เราควรอิ่มใจ”—1 ติโมเธียว 6:8

ไมคาห์กับเมแกน

“แม้จะมีคนเดียวที่ดูแลเรื่องการเงินและค่าใช้จ่ายในครอบครัว แต่ทั้งคู่ ต้องรู้ว่าสถานะทางการเงินเป็นอย่างไร การคุยกันอย่างไม่ปิดบังจะช่วยป้องกันปัญหาในระยะยาวได้”

เดวิดกับนาตาลีน

“วางแผนล่วงหน้า อย่าคิดเอาเองว่าเงินที่มีในธนาคารยังไง ๆ ก็พอใช้อยู่แล้ว ถ้าคุณไม่เก็บเงินเลย ตอนเกิดเรื่องฉุกเฉิน เช่น ถ้ารถเสียและต้องซ่อม คุณจะเอาที่ไหนมาจ่าย?”